วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

* A-NET *

พร้อมกันหรือยังเอ่ย..วันนี้เพื่อย้ำเตือนความจำเลยมีข่าวการรับสมัครสอบเอเน็ตมาฝากกันจ้า สมัครวันไหน เวลาอะไร ที่ไหน ไปอ่านรายละเอียดกันเลย..
สกอ.พร้อมแล้ว..เปิดสมัครเอเน็ตปี 52 ยืนยันปฏิทินเอเน็ต ประกาศระเบียบสอบวันที่ 20 ธันวาคม - 12 มกราคม ดูรายละเอียดจากเว็บไซต์ www.cuas.or.th พร้อมฝากนักเรียนตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องป้องกันการผิดพลาด..
นางศศิธร อหิงสโก ผอ.สำนักส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพนักศึกษา สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา [สกอ.] เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สกอ.ได้เชิญหัวหน้าศูนย์สอบทั้ง 18 ศูนย์สอบมาหารือเพื่อเตรียมการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นสูง หรือ เอเน็ต ประจำปีการศึกษา 2552 แล้ว..
โดย สกอ.ยืนยันปฏิทินการทดสอบเอเน็ตประจำปีการศึกษา 2552 จะประกาศระเบียบการสอบตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2551-12 มกราคม 2552 ทางเว็บไซต์ www.cuas.or.th และรับสมัครวันที่ 22 ธันวาคม 2551-12 มกราคม 2552 ทาง www.cuas.or.th โดยชำระค่าสมัครผ่านธนาคาร หรือที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ
จากนั้นให้ผู้สมัครตรวจสอบความถูกต้องตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2551-14 มกราคม 2552 ทาง www.cuas.or.th และยื่นคำร้องขอแก้ไขข้อมูลตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2551-16 มกราคม 2552 ทางโทรสาร 0-2354-5624, 0-2354-5598 จากนั้นจะประกาศแผนผังที่นั่งสอบวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ทาง www.cuas.or.th สอบข้อเขียนวันที่ 28 กุมภาพันธ์-1 มีนาคม 2552 และประกาศผลสอบวันที่ 5 เมษายน 2552 ทาง www.cuas.or.th
นางศศิธร กล่าวอีกว่า แม้ว่าการสอบเอเน็ตครั้งนี้เป็นการทดสอบครั้งสุดท้าย ก่อนจะปรับเปลี่ยนไปใช้การคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิชชั่น ปี 2553 ที่จะไม่มีการจัดทดสอบเอเน็ตแล้ว ทั้งนี้ การสอบครั้งนี้ไม่มีอะไรที่ปรับเปลี่ยนไปจากเดิม แต่การทดสอบหรือการเตรียมการในการสอบยังคงเข้ม และทุกคนต้องปฏิบัติตามระเบียบที่กำหนดไว้ รวมทั้งวิชาสอบเหมือนเดิม คือสอบภาษาไทย 2 สังคมศึกษา 2 ภาษาอังกฤษ 2 คณิตศาสตร์ 2 วิทยาศาสตร์ 2 ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาบาลี ภาษาอาหรับ ภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่น
"ฝากนักเรียนที่จะสมัครสอบทุกคน ขอให้ศึกษาระเบียบการรับสมัคร และสมัครสอบให้ครบทุกวิชาตามที่คณะหรือมหาวิทยาลัยที่ต้องการเข้าศึกษากำหนดไว้ เช่น กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย[กสพท.] กำหนดให้สอบเอเน็ต 5 วิชา และถ้าใครสอบไม่ครบถือว่าขาดคุณสมบัติการเขาศึกษาต่อทันที หรือแม้แต่ในคณะต่างๆ ถ้าสอบไม่ครบตามที่คณะหรือมหาวิทยาลัยกำหนดนักเรียนจะหมดสิทธิ์เข้าศึกษาต่อที่สถาบันนั้นๆ ทันที"

* คณะที่เราจะสอบเข้า เขากำหนดให้ใช้เอเน็ตวิชาอะไรบ้าง.. ตรวจสอบให้ดี และสมัครสอบให้ครบถ้วนครับน้า..

Credit - Dek-D

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

* Loy Krathong Festival *



"....Loy Loy Kra thong...Loy Loy Kra thong........"



Yes , this song above, alway comes when we celebrate the most famous festival of Thailand...called "Loy Krathong".


The most popular festivals in early of the month November, is the Loy Krathong Festival. This festival is very welknown to Thai people and also foreigners. And it set during the weather is clear, on the full moon night, when the river is high over the country. There has an important meaning about "Loy Krathong", first, "Loy" means "to float" and "Krathong" means a lotus-shaped vessel made of banana leaves. The Krathong usually contains a candle, tree joss-sticks, some flowers and coins.


In the past, people believe that they offer thank to the Goddess of water. Thus, by moonlight, people light the candles and joss-sticks, make a wish and launch their Krathong on canals, rivers or even small ponds. It is believed that the Krathongs can carry away sins and bad luck, and the time to start the coming new year, tobe joyful, and happy as suffering are floated away.


** วันนี้เพื่อนๆไปลอยกระทงที่ไหนกันบ้างเอ่ย
ต๋อมลอยแถวบ้านอ่ะ


ไปและ บะบายน้าาา

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551

* Halloween *

กุ๊กๆ กู๋....ผี มาแล้ววววววว มาพร้อมกับสัปดาห์สยองขวัญ ต้อนรับเทศกาลฮาโลวีน
และแน่นอน ไหนๆ ก็เป็นสัปดาห์เทศกาลผี (หลอก) แล้ว ก็เลยขอนำเสนอเรื่องราวผีๆ ประเพณีที่แตกต่างในต่างแดนกันเลยแล้วกัน
เรามาเริ่มกันที่...


Scotland

ในสก็อตแลนด์ ความเชื่อพื้นบ้านในเรื่องของวันฮาโลวีนนั้นก็ยังคงวนอยู่กับความเชื่อของชาวเซลติกโบราณในเรื่องเทพยดานางฟ้า เด็กๆ ก็จะพากันออกเดินไปทั่ว พร้อมกับถือตะเกียงที่ทำเป็นรูปหน้าปีศาจ เพื่อเป็นการขับไล่สิ่งชั่วร้าย บางครั้งตะเกียงดังกล่าวทำมาจากหัวผักกาด โดยใส่เทียนไขไว้ข้างใน แต่ในยุคปัจจุบัน ก็หันมาใช้ฟักทองตามแบบวัฒนธรรมอเมริกาเหนือ เนื่องจากสามารถแกะสลักได้ง่ายกว่านั่นเอง
ตามบ้านเรือนก็จะได้รับการคุ้มครองจากตะเกียงนี้ด้วย ตามธรรมเนียมแบบสก็อตแลนด์หากวิญญาณต่างๆหลุดรอดผ่านโคมไฟไปได้ เจ้าของบ้านก็จะต้องให้อาหารหรือส่วนใดของบ้านให้กับวิญญาณนั้นๆ เด็กๆก็เช่นกัน จะปลอมตัวเป็นสัตว์ประหลาดเพื่อให้กลืนไปกับเหล่าวิญญาณ หากเด็กคนไหนสามารถเข้าถึงประตูบ้านได้ก็จะได้รับแจกอาหาร เป็นการขจัดวิญญาณชั่วร้ายที่ซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ
อีกการละเล่นที่เป็นที่นิยมคือ การรับแอปเปิ้ลด้วยปาก ภายหลังเปลี่ยนมาเป็นการคาบส้อมไว้ในปาก และปล่อยลงให้โดนผลแอปเปิ้ลแทน เนื่องจากกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับขากรรไกรนั่นเอง นอกจากนี้นยังมีเกมส์กินขนมปัง ที่ผูกเชือกห้อยจากเพดานโดยห้ามใช้มือ และพันผ้าปิดตาด้วย



USA and Canada

ปัจจุบันเทศกาลฮาโลวีนเป็นเทศกาลที่เป็นที่นิยมอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกาในการตกแต่งประดับประดาบ้านและร้านค้า รองมาจากเทศกาลคริสต์มาส เครื่องแต่งกายที่เป็นที่นิยมที่สุดสำหรับผู้ใหญ่คือ แม่มด โจรสลัด ผีดูดเลือด แมว และตัวตลก
นิวยอร์กถือเป็นเจ้าภาพการฉลองวันฮาโลวีนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา รู้จักกันนาม Village Halloween Parade โดยพาเรดในช่วงเย็นนั้น มีผู้เข้าร่วมถึง 2 ล้านคน และผู้ชมทางโทรทัศน์กว่า 4 ล้านคนในแต่ละปี นับเป็นงานพาเรดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
ตามเมืองต่างๆ ผู้เล่น Trick or Treat จะได้รับการต้อนรับจากบ้านที่จุดตะเกียงฟักทองตามระเบียงไว้ แต่ในบางพื้นที่จะไม่อนุญาติให้เล่นในบริเวณใกล้กับศูนย์การค้า หรือพื้นที่ที่เกิดอาชญากรรมบ่อยครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่เกิดจากความรุนแรงจากการเล่น แม้กระนั้นก็ได้มีการระบุเวลาในการเล่น เช่น 5 โมงเย็น – 1 หรือ 2 ทุ่ม เพื่อป้องกันการเล่นที่ดึกเกินไป
ในบางประเทศที่จัดงานฉลองวันฮาโลวีน มักมีกิจกรรมรอบกองไฟด้วย นอกจากนี้ยังมีการละเล่นพื้นบ้าน เช่น กินแอปเปิ้ลผูกเชือก ยิงปืน หาขนมที่ซ่อนอยู่ เล่าเรื่องผีพร้อมหลอกผี และกินขนมที่ทำขึ้นเอง บางครั้งก็จะเป็นการดูหนังผี
การเล่น Trick or Treat มักสิ้นสุดในตอนหัวค่ำ แต่ในบางที่ก็เล่นกันจนดึก งานเลี้ยงในชุดแต่งกายฮาโลวีน ถือเป็นโอกาสดีที่ผู้ใหญ่จะมารวมตัวกันเพื่อเข้าสังคม ตามผับ บาร์ต่างๆก็จะมีผู้มาใช้บริการที่แต่งตัวในชุดฮาโลวีน และในบางแห่งก็จัดการประกวดเพื่อเป็นการดึงความสนใจจากลูกค้า บ้านผีสิงก็เป็นหนึ่งในแหล่งที่เป็นที่นิยมในช่วงนี้
ในแถบแคนาดาตะวันตก พลุและการก่อกองไฟ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองด้วย

Australia and New Zealand

ในแถบซีกโลกใต้ จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเต็มที่ในช่วง วันที่ 31 ตุลาคม เวลากลางวันจะยาวนานขึ้น และจะสว่างมากขึ้น ซึ่งก็ไม่ค่อยจะเข้ากันกับธรรมเนียมวันฮาโลวีนตามแบบชาวเซลติกโบราณ ที่จะเน้นไปที่บรรยากาศของความมืดในฤดูหนาว และการผลัดใบของใบไม้สักเท่าไหร่
วันฮาโลวีนได้รับความนิยมไม่มากในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยมากล้วนมาจากอิทธิพลของสื่ออเมริกัน ทั้งจากซิทคอมและการ์ตูนซิมป์สัน จะมีเพียงบางบ้านเท่านั้นที่ร่วมเทศกาลนี้ ในคืนวันฮาโลวีน หนังสยองขวัญเอย รายการทีวีที่เน้นรูปแบบและตกแต่งไปในทางสยองขวัญเอย ต่างก็ถูกนำมาออกอากาศเป็นเรื่องปกติ และปัจจุบันผู้คนมักจะสังสรรค์ปาร์ตี้วันฮาโลวีนเสียมากกว่าเล่น Trick or Treat อย่างไรก็ตามทั้งสองอย่างก็ยังคงมีให้เห็นอยู่ แต่การเล่น Trick or Treat มักจะทำกันระหว่างญาติมิตรมากกว่า


Credit จาก www.wikipedia.org และ Dek-d.com

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

* faire les vendanges *


faire les vendanges ( เก็บองุ่น )

* Les vendanges, un travail saisonnier un peu à part


La France est un pays vinifère et la Région Centre en est l'un de ses fleurons ! Les vendanges sont une étape essentielle qui monopolise bien du monde. Travail saisonnier typique, " faire les vendanges " demande une bonne condition physique et quelques points de droit pour que tout se passe bien avec l'employeur.


* Un contrat particulier


Le contrat " vendanges " est un contrat pour travail saisonnier. A ce titre, il prévoit une durée maximale d'un mois mais un même salarié peut conclure plusieurs contrats vendanges successifs. Cependant, le cumul des contrats ne peut excéder une durée totale de deux mois sur une année civile.

Etant par nature un contrat saisonnier, le contrat " vendanges " peut être conclu soit pour une durée déterminée, soit pour la réalisation d'un objet précis, en l'occurrence pour les vendanges Dans la majorité des cas, il sera conclu sans terme précis, c'est-à-dire que le contrat prendra fin avec la réalisation de son objet, c'est-à-dire à la fin des vendanges. Si ce sont souvent des étudiants qui font les vendanges, il faut savoir que ce travail saisonnier est également ouvert aux salariés en congés payés par dérogation à l'interdiction générale de travailler pendant les mêmes congés. Les salariés en congés payés et les fonctionnaires souhaitant utiliser cette possibilité devront bien entendu avoir obtenu l'accord de leur employeur quant à la date et à la durée de leurs congés dans les conditions habituelles. Sur ce point, il est bon de savoir que les employeurs peuvent d'ailleurs demander aux salariés qu'ils embauchent une attestation sur l'honneur de l'accord de leur employeur habituel.


* Une nature de travaux bien spécifique


Un contrat pour des vendanges conduit à des travaux bien spécifiques et en exclut d'autres. Faire les vendanges consiste donc à la cueillette du raisin, le portage des hottes et paniers, les travaux de préparation ou de rangement, la mise en état et le nettoyage des matériels nécessaires. C'est-à-dire en fait tous les travaux des préparatifs de la vendange à la réalisation des vendanges jusqu'aux travaux de rangement inclus. En revanche, n'est pas concerné l'ensemble des travaux viticoles et vinicoles et en particulier les travaux de taille ou de traitement des vignes : vous n'avez pas à exécuter ce type de travaux dans le cadre d'un contrat vendange.


** ช่วงเก็บองุ่นของประเทศฝรั่งเศสอยุ่ในช่วงนี้ค่ะ
พรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้วเพื่อน ๆ เตรียมตัวกันยังเอ่ย

ไปและ บะบายจ้า

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

* Trick *

เคล็ดลับเรียนภาษา ให้ได้ผล

1. ยอมรับความจริง
ไม่มีใครพูดภาษาที่สองได้ตั้งแต่เกิด ทุกคนต้องใช้เวลาในการเรียนรู้กันทั้งนั้น ฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าจะต้องเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น
2. เรียนรู้ทีละนิด
จากการศึกษาพบว่า การทบทวนเป็นระยะเวลาสั้นๆ อย่างเช่น ในระหว่างทานอาหารเช้า ในขณะอาบน้ำ หรือในขณะเดินทาง จะส่งผลให้คุณจดจำได้ดีกว่า
3. ท่องศัพท์
ยิ่งคุณรู้ศัพท์มากเท่าไหร่ คุณก็สามารถพูดและเข้าใจได้มากขึ้นเท่านั้น เทคนิคในการจดจำคำศัพท์ คือ พกการ์ดใบเล็กๆ ที่เขียนคำศัพท์ (ที่มีคำแปลอยู่ด้านหลัง) ไปกับคุณทุกที่
4. ฝึกหัดอย่างจริงจัง
อย่าแค่ทำปากขมุบขมิบหรือท่องเอาไว้ใส่ใจ พูดหรืออ่านออกมาดังๆ ในทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อจะได้ฝึกปากของคุณให้เคยชินกับการออกเสียง
5. ทำการบ้าน
การทำการบ้านคือการฝึกฝนทักษะการใช้ภาษาให้เป็นไปอย่างแม่นยำ จนกลายเป็ความชำนาญ และสามารถทำออกมาได้อย่างอัตโนมัติในที่สุด
6. จับกลุ่มเรียน
หาเวลาทบทวน ทำการบ้าน หรือแค่ฝึกพูดภาษานั้นๆ กับเพื่อนๆ เป็นประจำ ซึ่งจะช่วยแก้ไขข้อบกพร่องให้กันและกันได้ แถมยังทำคุณจดจำได้แม่นยำยิ่งขึ้นด้วย
7. หาจุดอ่อน
คุณควรหาจุดอ่อนในการเรียนของตัวเองให้เจอ เพื่อที่จะได้เพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ อย่างเช่น ถ้าคุณเป็นคนเงียบๆ และไม่ค่อยมีส่วนร่วมในชั้นเรียน ก็บังคับตัวเองให้เลือกที่นั่งแถวหน้าในห้องเรียนซะ
8. หาโอกาสในการใช้ภาษา
เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับภาษานั้นๆ ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกับเจ้าของภาษาเช่าหนังที่พูดภาษานั้นๆ มาดูหรือแม้กระทั่งหาแฟนที่เป็นเจ้าของภาษานั้นซะเลย
9. ทุ่มความสนใจ
พูดง่ายๆ ก็คือ หายใจเข้าออกก็ให้เป็นภาษานั้น เรียนรู้ภาษานั้นๆ ทั้งในและนอกห้องเรียนอย่างจริงจังและเต็มที่ ถึงขนาดถ้าฝันได้ก็อาจฝันเป็นภาษานั้นๆ ด้วย
10. ปรึกษาผู้รู้
ถ้ามีปัญหาหรือติดขัดอะไร ก็ต้องสอบถามครูผู้สอนหรือเจ้าของภาษานั้นทันที เพื่อทำลายกำแพงที่เป็นอุปสรรคในการเรียนออกไปให้เร็วที่สุด คุณจะได้ไม่ต้องสะดุดอยู่นานเกินไป ซึ่งอาจทำให้คุณเกิดความเบื่อหน่ายได้

Credit - kapook

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551

* Why *



เพื่อน ๆ ที่นี่เชื่อหรือไม่ว่า สิ่งประดิษฐ์ในยุคใหม่ ๆ นั้นก็สามารถทำลายทักษะบางอย่างของเราได้เหมือนกัน

ดูอย่างผลวิจัยในแคนาดาสิ พวกเขาพบว่าเครื่องคิดเลขคือต้นตอของการที่ทำให้เด็ก ๆ คิดเลขช้า อ้าว ..... ใช้เครื่องคิดเลขแล้วจะช้าได้ยังไง

เพื่อน ๆ คงกำลังคิดอยู่ใช่มั้ยค่ะ แน่นอนว่าถ้าคิดเลขโดยใช้เครื่องคิดเลขนั้นย่อมได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วอยู่แล้ว แต่ถ้าลองให้เด็ก ๆ คิดเลขโดยไม่ใช้เครื่องคิดเลขนี่สิค่ะ เด็ก ๆ ที่ทำการทดลองจะคิดเลขช้าลงมากกว่าครึ่งของที่ใช้เครื่องคิดเลขเลยทีเดียว
แต่ในทางกลับกันเด็ก ๆ ในประเทศที่เครื่องคิดเลขไม่ได้มีแพร่หลายอย่างในจีนนั้น เด็ก ๆ จะคิดเลขได้เร็วมากกว่า เพราะพวกเขาฝึกใช้การบวก ลบ คูณ หาร ด้วยตัวเองเป็นประจำอยู่แล้ว แถมเด็ก ๆ เหล่านี้ยังมีกล้ามเนื้อหัวใจและสมองที่ดีกว่าเด็ก ๆ ในแคนาดาที่ทำการทดลองเสียอีก
เพื่อน ๆ ที่นี่คนไหนที่มีลูกหรือมีหลาน ๆ ก็อย่าลืมฝึกให้พวกเขาคิดเลขเองโดยไม่ใช้เครื่องคิดเลขตั้งแต่ยังเด็ก ๆ นะคะ เพราะว่าไม่อย่างนั้น เขาจะกลายเป็นคนที่คิดเลขช้ามากหากไม่มีตัวช่วย
บางครั้งการลำบากตั้งแต่เริ่มต้นก็ช่วยให้ตอนปลาย ๆ ง่ายขึ้นเหมือนกันนะ เหมือนคำโบราณที่ว่า อดเปรี้ยวไว้กินหวานไง


^^ เครดิต teenee

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

* ^-^ *


สิ่งที่ห้ามทำ..หลังการทานอาหาร..!!
1.ห้ามสูบบุหรี่ มีผลการทดสอบที่พิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า การสูบบุหรี่หลังรับประทานอาหาร เทียบเท่ากับ การสูบบุหรี่ถึง 10 ม้วน (โอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่า)
2. ห้ามทานผลไม้ทันที การทานผลไม้ทันทีหลังอาหาร จะทำให้เกิดลมในกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นควร ทานผลไม้หลังทานอาหารไปแล้ว 1-2 ชั่วโมงหรือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง
3. ห้ามดื่มชา เพราะมีผลทำให้การย่อยสารโปรตีนในอาหาร ที่เรารับประทานเข้าไปนั้นเป็นไปยากขึ้น
4. ห้ามคลายเข็มขัด เพราะการคลายเข็มขัดหลังมื้ออาหาร จะทำให้ลำไส้บิดตัวและอุดตันได้
5. ห้ามอาบน้ำ การอาบน้ำจะเพิ่มแรงดันเลือดไปสู่มือ แขนขาและทั่วตัว ดังนั้น จำนวนเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงกระเพาะอาหารจึงลดลง ซึ่งส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารของกระเพาะเราแย่ลง
6. ห้ามเดินไปมา ผู้คนมักบอกเสมอว่า การเดิน 100 ก้าวหลังรับประทานอาหาร จะทำให้อายุยืนถึง 99 ปี ตามข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่เลย การเดินจะส่งผลให้ ระบบย่อยของเรา ไม่สามารถดูดซึมสารอาหารที่เราทานเข้าสู่ร่างกายได้
7. ห้ามหลับทันที เพราะอาหารที่เราทานเข้าไป จะไม่สามารถย่อยได้เลย ดังนั้นจะทำให้เกิดเชื้อโรค หรือ เกิดลมในกระเพาะและลำไส้ของเราได้

ขอบคุณบทความดีดีจาก thaireaderclub.com, ผู้ส่ง : เอฟาร์อีสเตียน

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

* Stade Roland Garros *



The Stade de Roland Garros (Roland Garros Stadium) is located in the 16th arrondissement of Paris, France, and is home of the French Open Grand Slam tennis tournament , played every year in May and June. The stadium is named after Roland Garros, an early French aviator and a fighter aircraft pilot during World War I, who , on September 23, 1913, had become the first man to fly a plane over the Mediterranean Sea.

The stadium grounds also contain the Tenniseum, a museum of tennis.


tournament การแข่งขันกีฬา
aviator นักบินสตรี
fighter นักมวย, นักรบ, เครื่องบินรบ
aircraft อากาศยานทุกชนิด ทั้งชนิดมีปีกและชนิดบรรจุก๊าซ
pilot ผู้ขับขี่เครื่องบิน, นักบิน, นำ, ขับ
museum พิพิธภัณฑสถาน

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551

* Roland Garros *

สัญลักษณ์ของ Roland Garros
ส่วนเนื้อหาเดี๋ยวมาอัพทีหลังนะคะ
เน็ตช้ามากเลย แฮะๆ




วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551

* Independence Day *



ตรงกับวันที่ 4 กรกฏาคม ของทุกปี เป็นวันที่ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศอิสระภาพ จากประเทศอังกฤษเมื่อ 201 ปีมาแล้ว( 4 ก.ค 1776 ) วันนี้เป็นวัน Holiday ของชาวอเมริกัน เขาจะจัดงานเฉลิมฉลองกันทั่วประเทศ บ้างก็มีพาเหรด บางก็มีดนตรีบรรเลงกลางแจ้งให้ชม บ้างก็เล่นกีฬากัน โดยปกติถ้าไม่มีงานอะไร เขาจะอยู่ในบ้านกัน บรรยากาศจะค่อนข้างเงียบสงบ แต่วันนี้ เขาจะออกมาชุมนุม ที่สนามและที่ชายหาด มานั่งอาบแดด สนทนา เล่นกีฬากัน มี boot ขายสิ่งของ ขายอาหาร และยังมี American Redcross มาค่อยให้ความช่วยเหลืออีกด้วย รถราและ ผู้คนหนาตามากวันนี้มาจองที่เพื่อดูการจุดดอกไม้ไฟตอนสามทุ่มครึ่งกันแน่
มีพาเหรดเหมือนประเทศฝรั่งเศสเลย จะถึงแล้วเลยเอามาให้ดูกันอ่ะค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2551

* Good drink *



นอกจากการออกกำลังกายที่ถือว่าเป็นการป้องกันโรคที่ดีที่สุดแล้ว สิ่งที่เรารับประทานเข้าไปในทุก ๆ วันนั้นก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน วันนี้ขอแนะนำเครื่องดื่มจากธรรมชาติที่ช่วยต้านโรคภัยมาฝากนะ


น้ำมะเขือเทศ - - -> ช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนวัย เพราะมีสารไลโคปีนนั่นเอง สามารถเติมเกลือและพริกไทย เพื่อเพิ่มรสชาติได้ด้วย แต่อย่าดื่มน้ำมะเขือเทศที่เย็นจัดนะจ๊ะ เพราะว่ามันไม่ดี

น้ำแอปเปิ้ล - - -> ช่วยป้องกันมะเร็งและช่วยฟื้นฟูร่างกาย อันที่จริงนั้นแอปเปิลสามารถกินได้ทั้งลูก แต่เพื่อป้องกันการแวกซ์แอปเปิล ก็ควรปอกเปลือกก่อนรับประทาน

น้ำลูกแพร์ - - -> เมื่อดื่มเข้าไปแล้วมันจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแห่งความสุข ทำให้เราไม่เครียด

น้ำแครอต - - -> ช่วยบำรุงสายตาและก็ป้องกันมะเร็ง แต่อย่าดื่มมากเกินไปเพราะว่าวิตามินส่วนเกินจะถูกเก็บไว้ที่ตับ ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายได้

น้ำผัก - - -> ไม่ทำให้อ้วน เนื่องจากมีระดับน้ำตาลต่ำกว่าน้ำผลไม้ เด็ก ๆ สามารถดืมได้ ไม่เป็นโรคอ้วนแน่นอน แต่ว่าต้องไม่เติมน้ำตาลเพิ่มเองนะ แล้วก็ควรใช้ผักปลอดสารพิษด้วย เพื่อสุขภาพที่ดี

*เพื่อนๆ ชอบแบบไหนก็เลือกดื่มตามใจชอบ แล้วก็อย่าลืมดื่มน้ำเปล่าที่สะอาดด้วยนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2551

* Blood *

กรุ๊ปเลือด กับอาหารต้องห้าม

มาดูกันดีว่า กรุ๊ปเลือดอะไรควรและไม่ควรรับประทานอะไรบ้าง

กรุ๊ป O ถือว่า เป็นเลือดกรุ๊ปแรกของมนุษย์เราเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นมนุษย์กลุ่มแรกของโลกที่ดำรงชีพด้วยการล่าสัตว์เป็นอาหาร ดังนั้น คนที่มีเลือดกรุ๊ป O จะมีสุขภาพแข็งแรงดี สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้ทุกชนิด เพราะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูง สามารถย่อยโปรตีนได้ง่าย
แต่มักมีปัญหาเลือดแข็งตัวช้า ทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานไม่ดีนัก ดังนั้น อาหารที่เลือกรับประทาน ได้แก่ เนื้อสัตว์ที่ไม่มีไขมันมาก โดยเฉพาะเนื้อหมู ซึ่งร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคแผลเน่าเปื่อย หรือเกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าคนที่มีเลือดกรุ๊ปอื่นๆ อีกด้วย ดังนั้น การรับประทานเพื่อบำรุงจึงขาดกันไม่ได้
ควรเลือกรับประทาน ผักใบเขียวเพื่อได้รับวิตามินเค จะช่วยทำให้เลือดแข็งตัวเร็วขึ้น นอกจากผักใบเขียวแล้ว คนกรุ๊ปเลือดนี้ ควรรับประทาน มะเขือเทศ แครอท และน้ำผลไม้รวม เพื่อเพิ่มเบต้าแคโรทีน ที่ช่วยบำรุงสายตา และควรออกกำลังกายที่ใช้พลังงานมาก เช่น การแอโรบิค ว่ายน้ำ จะทำให้ช่วยคุมน้ำหนักให้คงที่ได้เป็นอย่างดี


กรุ๊ป A กลุ่มเลือดนี้เกิดขึ้นในช่วงหมดยุคสมัยแห่งการล่าสัตว์ มนุษย์เริ่มตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่งและรู้จักการเพราะปลูกพืชเพื่อเป็นอาหารแทนเนื้อสัตว์ ดังนั้น คนกรุ๊ปเลือดนี้จึงเหมาะกับอาหารประเภทข้าว แป้ง และผัก ผลไม้เป็นที่สุด
ข้อควรจำ คือคนเลือดกรุ๊ป A จะอ่อนไหวต่อโรคมะเร็งมากกว่า หมู่อื่นๆ ควรลดหรือละเว้น นม เนื่องจากแอนติเจนที่อยู่ในเซลล์ของเลือดกรุ๊ป A เอง และเนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดต่ำ คนกรุ๊ปเลือดนี้ จึงไม่ควรรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ และอาหารสำเร็จรูปที่มีสารไนไตรท์มาก อาหารที่ควรเลือกรับประทานได้แก่ อาหารทะเล ผักต่างๆและธัญพืช เช่น ซีเรียลโฮลวีท ที่มีใยอาหาร ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร วิตามินบี เพื่อช่วยการทำงานของระบบประสาท และเม็ดเลือดแดงให้แข็งแรง
ข้อควรระวังสำหรับคนกรุ๊ปเลือดนี้ คือความเครียด การออกกำลังกาย ที่ใช้พลังงานมาก กลับยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้น จึงควรฝึกโยคะ นั่งสมาธิ ตีกอลฟ์ หรือเต้นระบำเพื่อรักษาสมดุลตามธรรมชาติ


กรุ๊ป B พวกที่อยู่ในกลุ่มเลือดกรุ๊ป B ถือว่าเป็นเลือดที่ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นอันดับสามของมนุษย์ เป็นช่วงที่มนุษย์เริ่มทำการเกษตรเป็นแล้ว ก็เริ่มนำสัตว์มาเลี้ยงและรับประทานเนื้อ ดังนั้น คนกรุ๊ปเลือดนี้ จึงรับประทานได้หลากหลาย ทั้งเนื้อ นม ไข่ ผัก ผลไม้
แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีไปเสียหมด เพราะจุดอ่อนอยู่ตรงที่มักมีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ ดังนั้ นจึงควรเสริมอาหารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สด ข้าวกล้อง นมและผลิตภัณฑ์จากนม อย่างการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ ทำจากนม สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าท้องไส้จะปั่นป่วน หรือท้องเฟ้อเรอเหม็น เปรี้ยว อย่างคนกรุ๊ปเลือด A
ส่วนการออกกำลังกาย สามารถทำได้หลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แอโรบิค ว่ายน้ำ กอล์ฟ หรือแม้แต่โยคะ


กรุ๊ป AB มาถึงเลือดกรุ๊ปสุดท้ายที่เกิดขึ้นในหมู่มนุษย์เรา พบว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1,000 กว่านี้เอง จะมี 2 ลักษณะในตัว คือเป็นได้ทั้ง แบบกรุ๊ป A และกรุ๊ป B จึงสามารถรับประทานได้ทั้ง 2 กรุ๊ปเลือดตามใจชอบ
แต่ควรที่จะหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันมาก และเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เนื่องจากน้ำย่อยมีความเป็นกรดต่ำ จึงทำให้ย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ไม่ค่อยดีนัก มักจะมีกรดเกิดขึ้นมาก ในท้องส่วนล่าง หรือลำไส้ใหญ่ อาจสังเกตได้ง่ายๆ ถ้ามีอาการผิดปกติ คือ จะเรอบ่อย
อาหารที่ควรรับประทาน เช่น อาหารทะเล ผักสด เต้าหู้ ผลไม้จำพวกส้มโอ องุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโยเกิร์ต เนื่องจากจะช่วยในการย่อย กระเพราะอาหารไม่ต้องทำงานหนักมากเกินไป และควรดื่มน้ำสะอาดมากๆ เพื่อขับไล่ของเสียในร่างกายที่มีมากกว่าคนกรุ๊ปอื่น ซึ่งเป็นเพราะความซับซ้อนทางด้านชีวเคมี ส่วนการออกกำลังกาย เลือกที่ทำให้จิตใจสงบมีสมาธิ อย่างเช่น โยคะ ยิงธนู เป็นต้น
รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมพิจารณาก่อนส่งอาหารจานอร่อยเข้าปาก และดำเนินชีวิตให้เกิดสมดุลตามธรรมชาติ เพราะปัญหาสุขภาพเรื้อรัง บางชนิด ไม่อาจรักษาให้หายขาดด้วยยาแผนปัจจุบัน แต่ทำได้ง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคเสียใหม่ ..


^^. เพื่อนๆ กรุ๊ปอะไรกันเอ่ย ต๋อมกรุ๊ปโอ ก็ตรงนะ ตรงไม่ตรงบอกด้วยแล้วกันนะ

วันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

* fight *

อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้ามไป

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชาวนาคน หนึ่งเลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งซึ่งแก่มากแล้ว วันหนึ่งชาวนาได้พาเจ้าลาแก่ออกไปข้างนอก ด้วยความโง่เขลาของมันดันเดินซุ่มซ่ามไปตกบ่อแห่งหนึ่ง มันร้องครวญครางเป็นเวลาหลายเพลา ชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญหาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมา ในที่สุดชาวนาหวนคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าลาก็แก่เกินไปแล้วอีกอย่างบ่อนี้ก็ต้องกลบ ไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลา

ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบ้านเพื่อมาช่วยกลบบ่อ ทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อ ครั้งแรกเมื่อดินไปถูกหลังลามันตกใจและรู้ชะตากรรมของตนทันที มันร้องโหยหวนทันที สักพักหนึ่งทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป

หลังจากที่ชาวนาตักดินใส่ไปในบ่อได้สัก สองสามพลั่วก็เหลือบมองลงไปในบ่อ ก็พบกับความประหลาดใจที่ว่า ทุกครั้งที่ทุกคนสาดดินไปถูกหลังลามันจะสะบัดดินออกจากหลัง แล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไร มันก็ก้าวขึ้นมาได้เร็วมากยิ่งขึ้น ในไม่ช้าทุกคนต่างประหลาดใจที่เจ้าลาในที่สุดก็สามารถหลุดพ้นจากปากบ่อดังกล่าวได้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ชีวิตนี้อุปสรรคต่างๆที่ถาโถมเข้ามาหาเราก็เปรียบเสมือนดินที่สาดเข้ามาหาเรา จงอย่าท้อถอยและยอมแพ้จงแก้ไขมัน เพื่อที่เราจะได้เหยียบมันเพื่อที่จะก้าวสูงขึ้นเรื่อยๆ เปรียบเสมือนลาแก่ที่หลุดพ้นจากบ่อได้ฉันใดฉันนั้น"

**อ่านแล้ว ตอนแรกสงสารลา ตอนหลัง เก่งสุดๆ

วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

* Be careful *

เตือนผู้บริโภคควรล้างกระป๋องเครื่องดื่มหรืออาหารกระป๋อง ก่อนที่จะบริโภค เผยอาจมีเชื่อโรคติดมาเนื่องจากระบบการจัดเก็บไม่สะอาดปลอดภัยเพียงพอ
เตือนผู้บริโภคที่มักจะซื้อเครื่องดื่มบรรจุกระป๋อง เพราะคิดว่าสะดวก ดื่มง่าย เปิดฝาดื่มได้เลย แต่สิ่งที่แฝงไว้บนฝากระป๋อง คือเชื้อโรคต่างๆ มากมาย

ซึ่งเกิดจากการจัดเก็บของร้านค้า หรือการขนย้ายที่ไม่ถูกต้อง ไม่ได้มีการทำความสะอาดที่ดีพอก่อนนำไปใส่ตูแช่เย็นเพื่อจำหน่าย เพราะฉะนั้น ก่อนดื่มคุณต้องแน่ใจว่าได้ล้างฝากระป๋อง ด้วยน้ำก๊อกและสบู่แล้ว หรือถ้าไม่มีก็ขอให้ใช้หลอดดูดแทน ดื่มโดยไม่ได้ล้างฝา ฝากระป๋อง เต็มไปด้วยฉี่หนู ที่แห้ง

จากกรณีผู้ป่วยที่เสียชีวิต หลังจากดื่มโซดากระป๋อง โดยไม่ได้ล้างฝา กระป๋องก่อนดื่มปรากฎว่า ที่ฝากระป๋อง เต็มไปด้วยฉี่หนู ที่แห้งแล้วและเป็นพิษซึ่งมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต อย่าลืมว่าเครื่องดื่มกระป๋องและอาหารกระป๋องมักถูกเก็บไว้ในโกดังเก็บของ และตู้ container ซึ่งมักจะมีหนูเข้ามาอยู่เต็มไปหมด และของเหล่านี้ก็จะถูกส่งต่อไปจำหน่ายยังร้านค้าปลีกต่างๆ โดยที่ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างถูกต้อง

** ระวังนะ ^^

* First day *

วันนี้เปิดเทอมวันแรก
เย้ ได้เจอเพื่อนๆ
ไปโรงเรียนแต่เช้าเลยวันนี้
คาบแรกว่าง อ.เลยให้ทำความสะอาดห้องสังคม
วันนี้เลิกครึ่งวันเอง
อิอิ
-----
:) ^^

วันอังคารที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

* Back to school *

^^
อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว
ได้เจอเพื่อนๆ แล้ว
ขึ้นม. 6 แล้ว เร็วจัง
แก่สุดในโรงเรียนเลย อิอิ
ต้องสู้ๆ เนอะ
-----
เจอกันเปิดเทอมนะคะ
บะบาย เทคแคร์ด้วย ^^

วันอาทิตย์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2551

* Songkarn 's Festival *

หวัดดีจ้าเพื่อน
สงกรานต์แล้วก็เล่นน้ำระวังๆ นะ
อากาศร้อนด้วย
ดูแลสุขภาพด้วยนะ
ต๋อมไม่ได้มาอัพนาน
คอมโดนไวรัสอ่ะ
เอาไปซ่อมมา
ไปและ มิสๆ จ้า
เทคแคร์นะ


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2551

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Valentine ' s Day

Happy Valentine's day Comments

Happy Valentine's day Comments

^0^

Happy Valentine's day Comments

Happy Valentine's day Comments

ขอให้ทุกๆคน มีความสุขในวันวาเลนไทน์นะคะ

เทคแคร์ค่ะ

จะสอบแล้ว อ่านหนังสือด้วยนะเพื่อนๆ

วันอังคารที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2551

* Corrado Feroci *

ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี (15 กันยายน พ.ศ. 2435-14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505) เดิมชื่อ คอร์ราโด เฟโรชี - Corrado Feroci ชาวอิตาลีสัญชาติไทย เป็นปูชนียบุคคลคนหนึ่งของไทย โดยได้สร้างคุณูปการในทางศิลปะจนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้ง และครูสอนศิลปะในมหาวิทยาลัยศิลปากร จนเป็นที่รักใคร่และนับถือทั้งในหมู่ศิษย์และอาจารย์ และได้รับการยกย่องเป็นปูชนียบุคคลของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีผลงานที่โดดเด่นหลายอย่างในประเทศไทย ได้แก่ พระราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่สวนลุมพินี และ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรี เกิดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2435 ในเขตซานโจวันนี (San Giovanni) เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี บิดาชื่อ นาย Artudo Feroci และมารดาชื่อนาง Santina Feroci เมื่ออายุ 23 ปี สามารถสอบผ่านเป็นศาสตราจารย์ จากราชวิทยาลัยศิลปแห่งนครฟลอเรนซ์ (The Royal Academy of Art of Florence)
ปี พ.ศ. 2441 ได้เข้าศึกษาในระดับชั้นประถม หลักสูตร 5 ปี หลังจากจบหลักสูตร จึงเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนระดับมัธยมอีก 5 ปี หลังจากนั้นจึงเข้าศึกษาทางด้านศิลปะในโรงเรียนราชวิทยาลัยศิลปะ แห่งนครฟลอเรนซ์ จบหลักสูตรวิชาช่าง 7 ปีในขณะที่มีอายุ 23 ปีและได้รับประกาศนียบัตรช่างปั้นช่างเขียน ซึ่งต่อมาได้สอบคัดเลือกรับปริญญาบัตรเป็นศาสตราจารย์มีความรอบรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ศิลป์วิจารณ์ศิลป์และปรัชญาโดยเฉพาะมีความสามารถทางด้านศิลปะแขนงประติมากรรมและจิตรกรรม
ปี พ.ศ. 2466 ท่านได้ชนะการประกวดการออกแบบเหรียญเงินตราสยามที่จัดขึ้นในยุโรป ด้วยเหตุนี้จึงเดินสู่แผ่นดินสยามเพื่อเข้ามารับราชการเป็นช่างปั้นประจำกรมศิลปากร ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2466 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนวิชาช่างปั้นหล่อ แผนกศิลปากร สถานแห่งราชบัณฑิตสภา
ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2485 ประเทศอิตาลียอมพ่ายแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตร ชาวอิตาเลียน ในประเทศไทยตกเป็นเชลยของ ประเทศเยอรมนีกับ ญี่ปุ่น แต่รัฐบาลไทยขอควบคุมตัวท่านศาสตราจารย์ คอร์ราโด เฟโรจี ไว้เอง และ หลวงวิจิตรวาทการ ได้ดำเนินการทำเรื่องราวขอโอนสัญชาติจากอิตาเลียนมาเป็นสัญชาติไทย โดยเปลี่ยนชื่อของท่านให้มาเป็น "นายศิลป์ พีระศรี" เพื่อคุ้มครองท่านไว้ ไม่ต้องไปถูกเกณฑ์เป็นเชลยศึกให้สร้าง ทางรถไฟสายมรณะ และ สะพานข้ามแม่น้ำแคว เมืองกาญจนบุรี
ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้เริ่มวางหลักสูตรวิชาจิตรกรรมและประติมากรรมขึ้นในระยะเริ่มแรกชื่อ " โรงเรียนประณีตศิลปกรรม" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนศิลปากรแผนกช่าง" และในปี พ.ศ. 2485 กรมศิลปากรได้แยกจากกระทรวงศึกษาธิการไปขึ้นอยู่กับสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลในขณะนั้นโดย ฯพณฯจอมพลป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีตระหนักถึงความสำคัญของศิลปะว่าเป็นวัฒนธรรมที่สำคัญยิ่งสาขาหนึ่งของชาติ จึงได้มีคำสั่งให้ อธิบดีกรมศิลปากร ในขณะนั้นคือ พระยาอนุมานราชธน ดำเนินการปรับปรุงหลักสูตร และ ตรา พระราชบัญญัติ ยกฐานะโรงเรียนศิลปากรขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยศิลปากร มีคณะจิตรกรรมประติมากรรม เป็นคณะวิชาเดียวของมหาวิทยาลัยศิลปากรเปิดสอนเพียง 2 สาขาวิชาคือ สาขา จิตรกรรม และสาขา ประติมากรรม โดยมี ศาสตราจารย์ ศิลป์ พีระศรีเป็นผู้อำนวยการสอนและดำรงตำแหน่งคณบดี คนแรก
ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทยให้ออกแบบปั้นและควบคุมการหล่อพระราชนุสาวรีย์ และอนุสาวรีย์สำคัญของประเทศไทย โดยการปั้นต้นแบบสำหรับพระปฐมบรมราชานุสรณ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2472 - 2477 อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี พ.ศ. 2484 พระราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว สวนลุมพินี และการออกแบบพระพุทธรูปปางลีลา ประธานพุทธมณฑล
ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 รวมสิริอายุได้ 69 ปี 7เดือน 29 วัน

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2551

* Pétanque *

Pétanque (pronounced [pe.tɑ̃k] in French) is a form of boules where the goal is to throw metal balls as close as possible to a small wooden ball called a cochonnet (jack). The game is normally played on hard dirt or gravel, but can also be played on grass or other surfaces. Sandy beaches are not suitable. Similar games are bocce and bowls.

Pétanque is generally associated with southern
France, particularly Provence, whence it originates. It is the most played sport in Marseille.[citation needed] The casual form of the game of Pétanque is played by about 17 million people in France (mostly during their summer vacations). There are about 375,000 players licensed with the Fédération Française de Pétanque et Jeu Provençal (FFPJP). The FFPJP is the 4th-largest sporting federation in France. These licensed players play a more competitive form of Pétanque known as Pétanque Sport.

เปตอง เป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่เล่นโดยการโยนลูกบอลเหล็กให้เข้าใกล้ ลูกแก่น (cochonnet) ที่ทำจากไม้ให้มากที่สุด กีฬาชนิดนี้มักเล่นบนพื้นดินแข็งหรือพื้นกรวดละเอียด แต่ไม่เหมาะกับพื้นทราย เปตองมีต้นกำเนิดจากทางภาคใต้ของประเทศฝรั่งเศส ชาวฝรั่งเศสกว่า 17 ล้านคนนิยมเล่นกีฬาชนิดนี้ในยามว่าง

La pétanque est un jeu de boules dérivé du jeu provençal. C'est le sixième sport en France par le nombre de licenciés — 367 247 joueurs recensés ; il existe de nombreuses fédérations nationales affiliés à la fédération internationale : 567 283 licenciés répartis dans 70 pays au 31.12.2006, de l'Algérie au Vietnam. À ces chiffres, il convient de rajouter les pratiquants occasionnels, en vacances notamment, c'est-à-dire plusieurs millions d'amateurs.
C'est un sport principalement masculin (seulement 14 % des licenciés sont des femmes en France). Néanmoins, c'est l'un des rares sports où des compétitions mixtes sont organisées.


la boule = ลูกกลมๆ , ลูกโบลิ่ง
provençal = ภาษามณฑลโปรวังซ์ , มณฑลโปรวังซ์
licencié = ผู้สำเร็จชั้นปริญญาโท
chiffre = ตัวเลข , จำนวนเงิน , ค่าสิ่งของ , เลขรหัส
notamment = เช่น , โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
amateur = ที่สมัครเล่น , ที่มีรสนิยม
Néanmoins = อย่างไรก็ตาม , อย่างไรก็ดี
compétition = การประกวด , การแข่งขัน
mixte = ผสมผสาน , ปนกัน
organisé = ที่จัดไว้ , จัดตั้ง

*-* เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ ที่ไปแข่งเปตองและกิจกรรมต่างๆ ด้วยนะ

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2551

* Trick listening *

การฟังเป็นทักษะอันหนึ่งในการเรียน ที่ประกอบไปด้วยทักษะสี่อย่างคือ การฟัง การพูด การอ่าน การเขียน ถ้าใครทำได้ดีทั้งสี่ทักษะนี่แล้วละก็เชื่อได้เลยว่า การเรียนของผู้นั้นจะต้องดีเยี่ยมไร้เทียมทานอย่างแน่นอน แต่การที่จะทำได้นั้นไม่ใช่ของง่าย และก็ไม่ใช่ยากจนเกินความสามารถ เมื่อมันคือทักษะ ดังนั้นจะเก่งได้ก็ต้องหมั่นฝึกฝนถึงจะทำได้ดี และสิ่งเหล่านี่ไม่ใช่พรสวรรค์แต่อย่างใด
มีการศึกษาวิจัยมาแล้วว่า คนเราสามารถคิดได้เร็วกว่าพูดถึง 4 เท่า สำหรับผู้ที่ฟังอย่างเลื่อนลอยนั้นจะได้ยินเฉพาะสิ่งที่อาจารย์พูด เขาจะพอใจแค่ยังตามอาจารย์ทันในห้องเรียนเท่านั้น นั่นคือเขาใช้ประสิทธิภาพของตัวเองเพียงแค่หนึ่งในสี่เท่านั้นเอง ! อีกสามส่วนที่เหลือ จะกลายเป็นเรื่องฝันกลางวัน เรื่องปัญหาชีวิตส่วนตัว หรือปัญหาหัวใจ ทำไมเราไม่เอาทั้งสามส่วนที่เหลือมาทุ่มกับการเรียนในห้องล่ะ เพราะมันจะทำให้เราเตรียมตัวสอบได้ง่ายและสบายขึ้นมาก ตามมาด้วยผลสอบที่น่าพึงพอใจอีกด้วย
ถ้าเราสามารถปรับพฤติกรรมของเราให้เกิดการฟังแบบกระตื้อรือร้นได้แล้วนั้น เราจะพบว่าชั่วโมงเรียนจะกลายเป็นประสบการณ์ที่น่าสนุกสนานเพลิดเพลิน หาใช่สิ่งที่น่าเบื่อหน่ายและยาวนานอีกต่อไป

ทีนี้เรามาดูเคล็ดลับของการฟังอย่างกระตือรือร้น กันเถอะ

การฟังอย่างกระตือรือร้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เราสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้โดยไม่ยาก มีเคล็ดลับอยู่นิดหน่อยเท่านั้น ถ้าเรารู้และลองทำดู เกรดที่สวย ๆ คงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. มีพื้นฐานเรื่องที่จะฟัง
มีพื้นฐานเรื่องที่จะฟัง หมายความว่าเราต้องมีไอเดียมาก่อนบ้างว่าตอนนี้เรากำลังจะฟังเรื่องอะไร มีแนวทางบ้างนิดหน่อย นั่นคือเราต้องอ่านเนื้อหาวิชา หรือ หัวข้อมาก่อนที่จะเข้าห้องเรียน แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องนั้นอย่างดี เพราะถ้าเรารู้เรื่องดีแล้วเราจะมาฟังทำไม จริงมั้ย? การที่อ่านมาก่อนทำให้เราพอจะรู้ว่าอาจารย์จะพูดเกี่ยวกับอะไร ทำให้ตามได้ง่ายขึ้น ที่มากกว่านั้นเราจะเกิดคำถามหรือมีข้อสงสัยขึ้นตอนเราอ่านเอง และเราอาจจะพบคำตอบเมื่ออาจารย์บรรยายในห้อง หรือไม่เราก็ยกมือขึ้นถามอาจารย์ในเรื่องที่เราสงสัย ทำให้อาจารย์ประทับใจอีกต่างหาก

2. ปล่อยวางอคติใดๆ
โดยทั่วไปแล้วคนเราจะชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดต่าง ๆ กันไป แต่เรารู้ไหมว่าการมีอคติเกี่ยวกับบางอย่างทำให้การฟังของเราอ่อนประสิทธิภาพลงได้ เช่น เราอาจไม่ชอบอาจารย์คนที่กำลังพูดอยู่ไม่ว่าในเรื่องส่วนตัว หรือไม่ชอบทรงผม เสื้อผ้าของอาจารย์ที่ทำให้เรารู้สึกขัดตา หรือไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงวิธีการพูดของอาจารย์ที่ทำให้เราอยากหลับเหลือเกิน อย่าทำให้สิ่งเหล่านี้มารบกวนการเรียนของเราเป็นอันขาด ให้ปล่อยวางอคติต่างๆนั้นลงเสียเมื่อเข้าอยู่ในห้องเรียน พยายามใส่ใจที่เนื้อหาวิชามากกว่าที่ตัวผู้สอน บางทีอาจจะเป็นเนื้อหาวิชาที่เราไม่ชอบเสียเหลือเกิน (เราไม่ค่อยชอบเรื่องที่เรียนอยู่แล้วจริงมั้ย...?) ทำไงได้ในเมื่อเราต้องเรียน ก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด ลืมเรื่องชอบไม่ชอบเหล่านั้นเสีย พยายามชื่นชมและใส่ใจกับมัน เมื่อเราไม่มีอคติหรือยึดติดกับเรื่องไร้สาระเหล่านี้แล้ว เราจะพบว่าการฟัง การเรียนรู้ของเรามันง่ายขึ้นมาก ลองดูสิ
3. นั่งอยู่แถวหน้า
การนั่งเรียนแถวหน้าอาจจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับบางคน แต่บางคนก็ชอบที่จะนั่งแถวหน้าเท่านั้น เคยสงสัยไหมว่าทำไมพวกนั่งแถวหน้าถึงเรียนดี เป็นเพราะเขาเรียนดีจึงนั่งแถวหน้า หรือเป็นเพราะว่าเขานั่งแถวหน้าแล้วจึงเรียนดี อันนี้ต้องพิสูจน์ ต่อไปนี้จะพูดถึงข้อดีของการนั่งแถวหน้าดูนะ
ข้อแรก การนั่งแถวหน้าแน่นอนต้องนั่งใกล้อาจารย์ที่สุดอยู่แล้ว ทำให้เราได้ยินเสียงอาจารย์ชัดเจน ดูกระดานก็เห็นชัดไม่ต้องใช้แว่นขยาย ที่สำคัญเราได้เห็นกิริยาอาการของอาจารย์ รู้ว่าอาจารย์เน้นตรงไหนเป็นพิเศษ ลองสังเกตดู อาจารย์บางท่านจะ ขมวดคิ้ว พยักหน้า เลิกคิ้ว เมื่อพูดถึงตอนสำคัญๆ ซึ่งถ้าเรานั่งอยู่หลัง ๆ จะมองไม่เห็นแน่นอน บางทีเราอาจรู้ข้อสอบจากการนั่งแถวหน้าก็ได้
ข้อดีอีกอย่างก็คือ ไม่มีสิ่งรบกวนเรามากนัก ถ้าเรานั่งแถวหลังๆ เราจะมองอาจารย์หรือกระดานผ่านหัวเพื่อน ๆ ถ้าคนข้างหน้าเราขยับตัว เกาหัว หรือหันไปคุยกับคนข้างๆ สิ่งเหล่านี้จะรบกวนสมาธิของเราด้วย ทำให้เบนความสนใจของเราไปจากสิ่งที่อาจารย์กำลังพูดอยู่ กว่าจะพาจิตใจให้กลับมาได้อาจจะพลาดประโยคเด็ด ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถ้ากลัวอาจารย์จะเรียกถามละก็อย่ากังวลไปเลยเพราะอาจารย์มักจะไม่เรียกถามคนนั่งหน้าหรอก ส่วนมากแล้วอาจารย์จะเรียกถามคนที่นั่งอยู่ในระยะสายตา หรือแถวกลางๆไปจนถึงแถวหลัง ๆ มากกว่า
ความลับอีกอย่างที่คนส่วนใหญ่มองข้ามไปคือการนั่งแถวหน้าเป็นการสร้างภาพพจน์ให้ดูดีขึ้นในสายตาอาจารย์ และทำให้อาจารย์จดจำหน้าของเราได้และรู้สึกว่าเราเป็นคนที่สนใจเรียนอีกด้วย (ได้คะแนนจากตรงนี้ก็มาก) ที่สำคัญแอบหลับไม่ได้ด้วย มันทำให้เราตื่นอยู่ตลอดเวลา เป็นการบังคับตัวเองอย่างง่าย ๆ อีกวิธีหนึ่ง

4. จดบันทึก
การจดบันทึกเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ถึงแม้เราจะมีหนังสือ เอกสารพร้อมแต่เราก็ต้องจด จดอะไรล่ะ ก็จดสิ่งที่สำคัญ ๆ จากที่เราได้ฟังมานะสิ ไม่ใช่การจดทุกคำทุกตัวอักษรบนกระดานนะ แต่เป็นการจดที่ได้จากการฟัง ผ่านการกลั่นกรองจากสมองของเราระดับหนึ่งแล้วถึงจดมันลงไป การจดยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการฟังของเราอีกด้วย เพราะมันทำให้เราต้องฟังอย่างตั้งใจ ฟังอย่างวิเคราะห์ ถึงจะจดลงไปได้ พอออกจากห้องเรียนแล้ว สิ่งที่เราจดนี่แหละจะมีค่ามากหาที่ไหนไม่ได้แล้ว การจดบันทึกที่ดีเป็นศาสตร์และศิลป์ ที่ต้องศึกษาเรียนรู้และฝึกฝน เป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องที่เราควรรู้ไว้

credit - Dek-D . com

วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2551

Happy New Year


Happy New Year 2008 Na Ka
ปีใหม่นี้เพื่อนๆ ไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างเอ่ย
เราไปชัยนาท
ไปบ้านญาติอ่ะ
เค้าดาวน์ที่นั่นเลย
ไปที่ร้านอาหารของลุงไปเปิดที่นั่น
ลุงเอาคาราโอเกะไปร้องด้วย
มีคนที่มากินอาหารที่แพมาร้องแจมด้วย
มันมากเลย อิอิ
ปีใหม่นี้ต๋อมก็ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆ นะ
มีสุขภาพที่ดี สมหวังในทุกๆ เรื่องเลย
บาย มิสๆ