วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

* Blythe1 *

จับสาวน้อย...มาทำศัลยกรรม (มติชน)

หลังจากที่เจ้าตุ๊กตาบลายธ์เข้ามาครองใจทั้งวัยเด็ก วัยรุ่น จนถึงสูงวัย ทั้งแบบราคาย่อมเยา จนถึงราคาสูงแบบลิมิเต็ด สำหรับคนที่กระเป๋าหนักโดยเฉพาะ ใครที่กระเป๋าบางคงต้องเก็บเงินอีกนานกว่าจะได้รุ่นในแบบที่ฝัน
แต่มี "ทางออก" ของคนรักตุ๊กตาบลายธ์แล้ว โดยไม่ต้องเสียเงินสูงๆ แต่สามารถทำให้ตุ๊กตาบลายธ์ของตัวเองเปลี่ยนรูปโฉมให้เหมือนบลายธ์ลิมิเต็ดได้ ด้วยการ "คัสตอม" หรือการ "ศัลยกรรมบลายธ์" จึงกลายเป็นงานสุดฮิตที่เหล่าคนรักตุ๊กตาบลายธ์เริ่มนิยมกันมากขึ้น เพราะสามารถทำตุ๊กตาบลายธ์ราคาย่อมเยาของตัวเองให้แปลงโฉมเป็นตุ๊กตาบลายธ์ คล้ายรุ่นลิมิเต็ดได้อย่างง่ายดาย
เมื่อทุนน้อย แต่ได้ตุ๊กตาบลายธ์ที่มีราคาสูงขึ้น ย่อมเป็นที่สนใจอยู่แล้ว อีฟ-ศิริธร อุปเสน รับศัลยกรรมตุ๊กตาบลายธ์ หรือน้องบลายธ์แสนรักของทุกคน บอกว่า ตัวเองเป็นคนชอบเล่นตุ๊กตาบลายธ์เหมือนกัน ชอบแต่งตัวแบบใหม่ๆ แต่เสียดายที่เปลี่ยนหน้าตาไม่ได้ บางทีอยากได้แบบที่โชว์ตามเว็บแต่ไม่มีขายในประเทศไทย จนเห็นว่าที่ประเทศญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ มีการแนะนำทำศัลยกรรมตุ๊กตาบลายธ์ หรือการคัสตอม จึงลองดู โดยเรียนรู้วิธีทำจากอินเทอร์เน็ต
"อีฟเริ่มศัลยกรรมกับตุ๊กตาบลายธ์ของตัวเองก่อน จนชำนาญจึงเปิดรับทำศัลยกรรมให้กับคนที่สนใจ โดยมีเด็กตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนถึง 50 ปี ที่มาทำศัลยกรรมบลายธ์ สาเหตุที่มาทำกันนั้นส่วนใหญ่อยากเปลี่ยนรูปลักษณ์บลายธ์ของตัวเอง และซื้อมาราคาถูก ค่อยมาทำศัลยกรรมให้เหมือนรุ่นลิมิเต็ดที่มีราคาแพง แต่ใครที่ซื้อบลายธ์ราคาแพงมาแล้ว หรือรุ่นลิมิเต็ดจะไม่เอามาทำศัลยกรรม"
ส่วนใหญ่อวัยวะที่คนรักบลายธ์จะนำมาศัลยกรรมนั้น อีฟบอกว่า จะทำหน้าผิวหน้าให้ด้าน แต่งหน้าใหม่ เปลี่ยนขนตา เปลี่ยนสีผิว ตัดผม ทำสีผม เหลาปากแต่ส่วนที่ไม่ค่อยทำกันคืออายคลิป บางคนเสียดายหน้าเดิม แต่อยากให้บลายธ์ถ่ายรูปขึ้นก็มาทำผิวตุ๊กตาให้ด้านจะทำให้ถ่ายรูปสวยขึ้น
"ลูกค้าที่ทำศัลยกรรมจะเอาแบบมาให้ดู หรือตั้งโจทย์ให้เราทำ แต่ต้องบอกก่อนว่าอาจไม่ออกมาเหมือน 100% เพราะว่าสีที่ทำผสมนั้นจะเป็นแฮนด์เมกทั้งหมด อาจผสมสีได้ไม่เหมือนจริง แต่จะทำให้ใกล้เคียงมากที่สุด เครื่องมืออุปกรณ์ก็หาได้ในไทย เว้นอุปกรณ์บางชิ้น เช่น เลนส์ตา ผม อุปกรณ์ที่อยู่ส่วนหัวทั้งหมด ต้องสั่งจากต่างประเทศ"
นอกจากนี้คนทำศัลยกรรมบลายธ์ยังบอกเทรนด์ที่คนรักบลายธ์ชอบทำศัลยกรรมมากที่สุด คือ การเหลาปาก ให้รูปปากเล็กๆ ตัดผมม้า ทำบิ๊กอาย ให้หน้าตาแบ๊วขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเทรนด์ที่ฮิตใกล้เคียงกับมนุษย์มากขึ้น แถมเทรนด์ที่กำลังตามมาอย่างต่อเนื่อง คือ "การแปลงเพศ" เพราะตุ๊กตาบลายธ์เป็นผู้หญิง คนจึงนำมาแปลงเพศให้หน้าตา ผิวพรรณ ทรงผมเป็นผู้ชาย เพื่อมีบลายธ์ผู้ชายและผู้หญิงคู่กัน
ส่วนราคาศัลยกรรมนั้นมีตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน แล้วแต่อุปกรณ์วัสดุที่จะเปลี่ยน เป็นราคาที่ถือว่าถูกสำหรับคนรักบลายธ์มากๆ แถมเมื่อเปลี่ยนให้บลายธ์สวยงามแล้ว เมื่อนำไปประมูลยังทำให้ราคาสูงขึ้นอีกด้วย จึงทำให้การศัลยกรรมบลายธ์เป็นที่นิมยมเป็นอย่างมาก แต่ไม่สามารถนำมาหลอกคนอื่นได้ว่าเป็นบลายธ์รุ่นลิมิเต็ด เพราะการศัลยกรรมจะมีร่องรอยอยู่ จึงหลอกคนซื้อไม่ได้
แม้จะเป็นที่นิยมสูง แต่ "อีฟ" ศิริธร บอกว่า ศัลยกรรมบลายธ์ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่การทำวิธีบางอย่างก็ยากเช่นกัน เช่น ทำผมทรงแปลกๆ หรือลูกค้าอยากเหลาปากให้เล็ก พอเหลาแล้วอยากเหลาอีกก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นก่อนทำต้องตัดสินใจดีๆ
"อยากฝากให้คนที่อยากทำศัลยกรรมบลายธ์หรือคัสตอมว่า ก่อนมาทำขอให้ดูความชอบของตัวเองก่อนว่าอยากเปลี่ยนแปลงอะไร และชอบตรงนั้นจริงๆ ที่สำคัญอย่าไปเสียดายหน้าเดิมๆ หากตัดสินใจจะทำแล้ว รวมทั้งเลือกช่างที่เราไว้ใจ ดูผลงานที่ผ่านๆ มา บางทีทำกับคนที่ไม่รู้อาจไม่ถูกใจ พอแก้ไขจะลำบาก ซึ่งแก้แล้วแก้อีกจะทำให้ตุ๊กตาช้ำได้ และถ้าโดนทินเนอร์บ่อยๆ มีสิทธิทำให้ร้าวเช่นกัน"

เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่รักตุ๊กตาบลายธ์

* kapook

* Blythe *






ตาโต หน้ากลม ขนตางอนงาม ปากนิด จมูกหน่อย อะๆ อย่าเพิ่งคิดไปไกล เรากำลังบรรยารูปร่างหน้าตาของ "Blythe" แหม...งงล่ะสิว่า "Blythe" คืออะไร งั้นเฉลยค่ะ "Blythe" คือตุ๊กตาสาวน้อยแสนสวยที่กำลังอินเทรนด์ในหมู่วัยรุ่น (คล้ายๆ ตุ๊กตาบาร์บี้) ทั้งที่ความจริงแล้วสาว Blythe เข้ามาสร้างความสดใสให้สาวๆ ตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว เชื่อว่าถ้าเห็นหลายคนคงร้องอ๋อ เพราะคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี แต่ก็มีอีกหลายคนอยากรู้ว่าสาว Blythe จะน่ารักขนาดไหน และมีคุณสมบัติพิเศษอะไรทำไม๊...ทำไมถึงฮิตฮอตซะขนาดนั้น ถ้างั้นก็อย่าช้าตามเข้ามาหาคำตอบกันเลย...
Blythe อ่านออกเสียงว่า Blahyth หรือ Blind (บลายธ์) เธอคือตุ๊กตาวินเทจเจ้าเสน่ห์ที่ถูกออกแบบให้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2515 (ค.ศ. 1972) โดยโรงงานผลิตของเล่นในสหรัฐอเมริกา นามว่า เค็นเนอร์ (Kenner) ภายใต้ concept ที่อยากสร้างเอกลักษณ์ความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับตุ๊กตา และหลังจากนั้น Kenner ได้ว่าจ้างดีไซเนอร์นักออกแบบของเล่นอย่าง Allison Katzman จาก Marvin Glass & Associates หนึ่งในสตูดิโอออกแบบของเล่นชื่อดังที่สุดในโลก ให้ดีไซน์ปลุกปั้นตุ๊กตา Blythe ฉบับออริจินัลขึ้น
โดย Allison Katzman ได้หยิบเอาดวงตาที่ตั้งใจจะใช้กับตุ๊กตาสุนัขมาใส่ในตัว Blythe ส่วนลำตัวแรกๆ ก็มีขนาดได้สัดส่วนกับหัวที่มีขนาดใหญ่ แต่ปรากฏว่ากล่องใส่มีขนาดสั้น จึงต้องลดสัดส่วนความยาวลำตัวให้บรรจุได้พอดี ตุ๊กตาบลายธ์จึงหัวโตตัวสั้น ดูเหมือนการ์ตูน แล้วนับแต่นั้นมา เด็กๆ ทั้งหลายก็ได้รู้จักกับของเล่นชิ้นใหม่ชิ้นนี้
ซึ่งสาว Blythe ปรากฎตัวครั้งแรกพร้อมกับทรงผมยอดฮิตในยุค 70s ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี 4 แบบ พร้อมด้วยแฟชั่นเครื่องแต่งกายสไตล์วินเทจที่มีให้ Mix & Match กว่า 12 ชุด โมเดลตุ๊กตาทั้ง 4 แบบ ชื่อ Blythe, Karess, Willow และ Skye จึงถูกคิดค้นขึ้นมา แต่ด้วยความที่อยากให้ตุ๊กตา Blythe ล้ำยุค และมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รูปลักษณ์ภายนอกของสาวบลายธ์จึงถูกออกแบบขึ้นมาอย่างโดนเด่น หัวโต ตัวผอม ความสูง 11.5 นิ้ว มีดวงตากลมโตเท่าไข่ห่านที่หลับได้เปิดได้ แถมเวลาเปิดเปลือกตาแต่ละครั้ง เธอสามารถเปลี่ยนสีดวงตาได้ถึง 4 สี คือ เขียว ชมพู ส้ม และน้ำเงิน
เพียงแค่ดึงห่วงที่อยู่หลังศีรษะ และ Blythe สามารถบิดเอวและเข่าได้ เพื่อให้เปลี่ยนชุดได้ง่ายและสามารถโพสต์ท่าเหมือนนางแบบ ทำให้กลับกลายเป็นว่าเด็กๆ ต่างพากันหวาดกลัวตุ๊กตาตัวแรกของโลก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Blythe ไม่เป็นที่นิยม จนมีเหตุให้ต้องปิดตัวลงหลังจากที่ออกวางขายในตลาดได้แค่เพียง 1 ปีเท่านั้น
จากนั้นในปี 2545 (ค.ศ. 2002) หรือ 30 ปี ต่อมาสาว Blythe ก็กลับมาได้รับความนิยมในหมู่นักสะสมอีกครั้ง เพราะหลังจากที่ Gina Garan (โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกัน ) ได้รับตุ๊กตา Blythe เป็นของขวัญ ทำให้เธอตกหลุมรักมันพร้อมๆ กับถ่ายภาพเธอ Blythe เก็บไว้กว่า 100 รูป จนถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายชื่อ "This is Blythe" รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book ที่ขายได้กว่า 100,000 และจัดนิทรรศการแสดงภาพถ่าย ที่ทำให้ชื่อของ Gina's Gallery โด่งดังไปทั่วโลก
หลังจากที่ Hasbro (ผู้สืบทอดกิจการจาก Kenner) ได้มอบลิขสิทธิ์การผลิตตุ๊กตาให้กับบริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่น Blythe ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา TV ให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง Parco และเพียงชั่วข้ามคืนมันก็กลายเป็นตุ๊กตายอดนิยม ส่งผลให้ราคาประมูล Blythe ดีดตัวพุ่งสูงขึ้นจากเดิม $35 เป็น $350 ทันที
และในปี 2001 Takara ได้รับหน้าที่แปลงโฉม Blythe ให้ดูโดนเด่นขึ้นด้วยขนาดตัว 11 นิ้ว พร้อมกับชื่อใหม่ว่า "Neo Blythe" และนับแต่นั้นมา ก็มีคอลเลกชั่นต่างๆ ของ Neo Blythes (นีโอ บลายธ์) เกิดขึ้นมากมายกว่า 37 แบบ ไม่ว่าจะเป็น Blythe ตัวแรก Parco Limited Edition (1,000 ตัว) ตามมาด้วยคอลเลกชั่น Mondrian, Rosie Red, Holly Wood, All Gold in One, Kozy Kape inspired, Aztec Arrival inspired, Sunday Best และ Miss Anniversary Blythe ซึ่งเป็นคอลเลกชั่นพิเศษ ที่ทำขึ้นเพื่อเป็นการฉลองวันเกิด ครบรอบ 1 ปี ของ Neo Blythes
และยังมีเซอร์ไพรสให้กับ์เหล่านักสะสมตุ๊กตาทั้งหลายด้วยการเปิดตัว Blythe สายพันธ์ใหม่นามว่า "Petite Blythe" (พีทิต บลายธ์) ด้วยขนาดตัวที่เล็กกะทัดรัดเพียง 4.5 นิ้ว แม้ว่าจะมีสีตาให้เลือกเพียงสีเดียว แต่มันสามารถขยับเปลือกตาขึ้น-ลงได้พร้อมๆ กับการดัดบอดี้ส่วนต่างๆ ให้ดูมีการเคลื่อนไหวเพิ่มมากขึ้น และมีออกมาทั้งหมด 48 แบบ
ซึ่งคอลเลกชั่นนี้ถือว่าโดดเด่น และได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Perfect Petite Series Blythe Dolls ที่ประกอบไปด้วย Asian Butterfly, Paisley Star และ Cosmo Afternoon ปิดท้ายด้วยการเปิดตัว Blythe Belle ตุ๊กตาพีวีซีที่จำลอง และย่อส่วนขนาดของ Blythe ให้เหลือเพียงแค่ 3 นิ้วเท่านั้น


** รู้รายละเอียดและเห็นหน้าตาของสาว Blythe กันแล้ว นั่นแน่! เพื่อนๆ เริ่มหลงรักและอยากจะเป็นเจ้าของตุ๊กตา Blythe แล้วใช่ไหมล่ะ อะๆ ช้าเดี๋ยวตกเทรนด์ไม่รู้ด้วยนะ

* Where *



อากาศร้อนๆ แบบนี้เราคงจะอยากไปทะเลกันใช่ไหมเอ่ย

แล้ว เพื่อนๆ รู้ไหมเอ่ยว่าเกลือในทะเลมาจากไหน


งั้น ต๋อมจะบอกให้น้า


ส่วนประกอบของเกลือจากน้ำทะเลคือ โซเดียมคลอไรด์ และ แมกนีเซียมคลอไรด์ ซึ่งมีอยู่ตามพื้นดินหินทั่วไปเมื่อฝนตกลงมาซะล้างสาร ดังกล่าว จากพื้นดินและหินไหลลงสู่แม่น้ำจนกระทั่งไหลไปรวมสะสมอยู่ในทะเล โดยไม่สามารถจะไหลถ่ายเทไปที่อื่นได้ ส่วนแสงอาทิตย์ ที่ส่องลงมา ทำให้น้ำทะเลกลายเป็นไอลอยขึ้นไปเป็นน้ำบริสุทธิ์ ทำให้น้ำในทะเลเข้มข้นมีความเค็มเพิ่มขึ้นทุกปี จนกระทั่งสามารถนำ น้ำทะเลให้แห้งกลายเป็นเกลือนำมารับประทานได้


& sanook